การนำรูปแบบหรือสไตล์จากงานศิลปะแบบประเพณีของไทยมาเป็นจุดเริ่มต้น
ของการสร้างสรรค์ใน ระยะแรก ๆ ดูจะกระทำกันทั่วไปในหมู่ผู้ต้องการสร้างงานแนว
ประเพณี หรืองานที่มีเค้ามูลของความเป็นศิลปะไทย ปรากฎอยู่ด้วย
จุดหมายของการ
ทำแบบนี้-- หลายคนต้องการแสดงอารมณ์ความรู้สึกทั้งตามแนวเรื่องเดิมของงานศิลปะ
ประเพณี เช่น มารผจญ ตรัสรู้ และตามลักษณะเฉพาะตัวของผู้สร้างสรรค์เองบางคน
ยังคงรักษาองค์ประกอบ ---และลักษณะของรูปทรงตามแบบโบราณไว้เกือบครบถ้วน
แต่ให้อารมณ์การแสดงออกด้วยทัศนธาตุทั้งหลายตามทฤษฎี ----ของการมองเห็น
ในปัจจุบัน บางพวกสลายรูปทรงและองค์ประกอบแบบเดิมออกเป็นชิ้นส่วนแล้วนำมา
ประกอบใหม่--- เลือกสรรชิ้นส่วนที่เห็นว่าจะสื่อความรู้สึกได้ชัดเจนและรุนแรงที่สุด
เสริมด้วยชั้นเชิงของการประกอบ การให้แสงเงา สี และบรรยากาศ
บางคนสอดแทรก
ความรู้สึกคิดถึงโหยหาวัฒนธรรมที่เขาคิดว่าดีงามของไทย แต่ดั้งเดิมที่กำลังเสื่อม
สลายไปทุกขณะ ภาพมารผจญที่คึกคักด้วยเส้นต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันในแบบประเพณี
ของ จิตรกรรมไทย อาจกลายมาเป็นงานจิตรกรรมในรูปแบบใหม่ที่ให้อารมณ์ความ
รู้สึกอีกแบบหนึ่ง อีกความหมายหนึ่ง ที่สามารถสื่อสารได้อย่างตรงใจกับคนในปัจจุบัน
กล่าวโดยย่อก็คือ ศิลปินฝ่ายนี้มีแนวความคิดเกี่ยวกับ การแสดงออกถึงลักษณะของ
ความเป็นไทยในทัศนะหรือในความรู้สึกของตน ด้วยวิธีการ ด้วยการนำเสนอ
--แบบ
ร่วมสมัยที่สามารถสื่อสารสาระที่ต้องการกับคนร่วมยุคได้ ---ที่กล่าวนี้เป็นเพียงการ
เริ่มต้นของคนทำงานศิลปะบางกลุ่ม --ที่จับเอกลักษณ์ส่วนที่เป็นรูปธรรมของความ
เป็นไทย ในแบบประเพณีมาจัดการเสียใหม่ หวังจะให้สิ่งนั้นจูงใจตัวเองและผู้ดูให้
จินตนาการไปถึงเนื้อหาทางศิลปะที่อาจ ---มีความเป็นไทยปรากฎอยู่ด้วยในทางใด
ทางหนึ่ง งานของอภิชัย ภิรมย์รักษ์ ระยะแรก ๆ ในนิทรรศการครั้งนี้ก็
็คงอยู่ในแนว
เดียวกัน พัฒนาการขั้นต่อไป โดยเฉพาะของอภิชัยก็คือการนำเรื่องราวหรือสัญลักษณ์
เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ --มักจะเป็นหัวข้อเรื่องสำคัญในศิลปะแบบประเพณีของ
ไทยมาเป็นจุดนำความคิด ไม่ใช่ชิ้นส่วนของรูปแบบตาม ประเพณีอย่างในระยะแรก
แต่เป็นการนำสัญลักษณ์ เช่น --ใบเสมา
--รอยพระพุทธบาท ธรรมจักร์ -และแผนผัง
ของสังสารวัฏมาแสดงออกด้วยวิธีการและเทคนิคที่แปลกใหม่ ------ด้วยการใช้วัสดุ
ใช้ความนูน ความลึก ใช้น้ำหนัก และสีที่ให้ความน่าพอใจทางรูปทรงและความหมาย
ทางศิลปะ ลักษณะเด่นของงานชุดนี้ดูจะอยู่ที่การแสดงออก ของความนึกคิดและความ
รู้สึกส่วนตัวของอภิชัยที่มีต่อสัญลักษณ์หรือเรื่องราวเหล่านั้น
--เป็นการสร้างงาน --จาก
เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา ซึ่งศิลปินทั่วไปไม่ว่าจะเป็นชาวเอเซียหรือแม้แต่ชาวตะวัน
ตกที่สนใจใน ---พุทธศาสนา -----ก็อาจใช้เรื่องและสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นหัวข้อของการ
สร้างสรรค์ได้ พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็น คนละเรื่องกับความเป็นไทยอยู่แล้วจึงไม่ใช่ปัจจัย
เดียวของเอกลักษณ์ไทยในงานศิลปะ ผลแท้จริงที่เราได้รับจากงานทั้ง
2 ชุดของอภิชัยที่
ี่กล่าวมาแล้ว น่าจะอยู่ที่คุณค่าทางศิลปะในอีก รูปแบบหนึ่งที่ศิลปินแสดงเจตนาที่จะเชื่อม
โยงความเป็นไทยเข้ากับการแสดงออกของคนยุคปัจจุบัน แต่จะ --เป็นไทยได้มากหรือ
น้อย --ลึกหรือตื้นอย่างไร หรือไม่
ยังเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินได้ในขณะนี้
ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ผลงานที่อภิชัยทำอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า เขา
เจาะเปลือกของรูปแบบและ- สัญลักษณ์ในระดับรูปทรงเข้าไปภายใน
--เขาทิ้งรูปแบบ
ประเพณีและสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยเข้าไปสู่สาระหรือหัวใจ -ของพุทธธรรม
-การใช้วัสดุที่
เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทุช -(
Tusche )- กับน้ำหรือน้ำมันใน
เทคนิคพิมพ์หิน หรือดินโคลนกับน้ำ รอยยับย่นของโลหะกับสะเก็ดดินที่แห้งแตก
ล้วนสื่อ
ความหมายเกี่ยวกับ สาระของพุทธธรรมทั้งสิ้น ในช่วงแรกของการเข้าสู่สาระของพุทธ
ธรรมของอภิชัย บางชิ้นยังมีสัญลักษณ์ที่เขาใช้เป็นต้นทางอยู่
แต่ในที่สุดรูปนอกดังกล่าว
ก็หมดไปเหลือเพียงวงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมที่เป็นรูปทรงกลาง
ๆ สำหรับ รองรับวัสดุ
และการกระทำต่อวัสดุโดยตัวของมันเองและปัจจัยอื่น สื่อความหมายเกี่ยวกับความไม่
เที่ยงแท้ ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีผู้ใดควบคุมได้ ทำให้เรามีคำถามอยู่ในใจว่า
ความเป็น
ไทยในงานศิลปะของอภิชัย ซึ่งเป็นเจตนาดั้งเดิมของเขานั้น อยู่ส่วนไหน
ตอนไหนกันแน่
โดยเฉพาะเมื่อเขาเดินผ่านเปลือกและกระพี้ลึกเข้าไปถึงแก่นคือสัจธรรมอัน
เป็นสากล
นั้นแล้ว -เขาเดินทางเข้าไปพบกับทางร่วมของศิลปินร่วมสมัยไร้พรมแดนทั้งหลายแล้ว
หรือไม่ ประสบการณ์ที่เขาได้รับมาจากการทำงานทั้งด้วยเจตนาและรูปแบบที่คิดกันว่า
เป็นไทยนั้น จะเป็นฐาน ช่วยหนุนส่งผลงานของเขาให้มีลักษณะพิเศษของตัวเองและของ
ศิลปินไทยที่แตกต่างจากศิลปินร่วม สมัยชาติอื่น ๆ หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่เราต้องติดตาม
กันต่อไป อย่างไรก็ตามที ข้าพจ้าซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามการทำงานของอภิชัย
ภิรมย์รักษ์
ตลอดมา --จะไม่ ลังเลใจเลยที่จะสนับสนุนให้เขาก้าวต่อไปในแนวทางที่เขามุ่งเดินอยู่
เพราะเชื่อว่าศิลปะคือสัจจะของชีวิต --ที่จะแสดงตัวได้เด่นชัดจากประสบการณ์ตรงของ
ศิลปินในบริบทที่เหมาะสม
|