ที่ตั้ง |
หมู่ 1
บ้านปากคลอง (
เดิมอยู่ในเขตบ้านวังกุลา )
ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง |
พิกัดทางภูมิศาสตร์ |
เส้นรุ้งที่ 14o
15' 42" เหนือ เส้นแวงที่ 99o 12' 30"
ตะวันออก พิกัดกริดที่ 47 NS / NR 765226
ระวางที่ 4837 IV |
การค้นพบ
|
ครูด่วน ถ้ำทอง
อดีตครูโรงเรียนประชาบาลในจังหวัดกาญจนบุรี
ผู้สนใจและคลุกคลีอยู่กับคณะสำรวจ
ฯ ไทย - เดนมาร์ก และคณะโบราณคดี
มหาวิทยาลัยศิลปากร
เป็นผู้ค้นพบถ้ำตาด้วงนี้เมื่อปี
พ.ศ. 2507 |
สภาพที่ตั้ง
|
ถ้ำตาด้วง
เป็นถ้ำหินปูน
อยู่บนภูเขาวังกุลา ด้านทิศใต้
ถ้ำอยู่ติดริมหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
300 เมตร เป็นภูเขาที่สูงชันมาก
ความลาดชันประมาณ 45 องศา
โดยรอบภูเขาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ
ภูมิประเทศโดยรอบเหมาะกับการตั้งถิ่นฐานและทำการกสิกรรม |
|
ลักษณะของถ้ำ
|

|
ถ้ำตาด้วงหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
หน้าถ้ำเป็นลานไม่กว้างนัก
เพิงผาทางด้านขวามือหน้าโพรงถ้ำ
สูงชันมาก โพรงถ้ำลึกประมาณ 6.9
เมตร สูงประมาณ 5 เมตร |
- |
หลักฐานทางโบราณคดี
|

|
พบเครื่องมือหินกะเทาะหลายชิ้น
เศษภาชนะดินเผา
และโครงกระดูกจากการสำรวจของกรมศิลปากร
และชาวบ้านค้นพบ |
- |
ภาพเขียนสี |
ถ้ำตาด้วงนี้ปรากฎภาพคนกับภาพสิ่งของ
เป็นภาพเดี่ยวและภาพหมู่
กลุ่มภาพที่เด่นชัดที่สุดอยู่บนผนังเพิงผาด้านขวาหน้าทางเข้าโพรงถ้ำ
สูงจากพื้นประมาณ 4.5 เมตร |
- |

|
เป็นภาพกลุ่มคนจำนวน 19 คน
เดินเรียงแถวคล้ายเป็นขบวนแห่
แบกวัตถุทรงกลมและทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่
ซึ่งอาจเป็นฆ้องหรือกลอง
เดินนำหน้าขบวนแห่ที่แบกโลงศพภาพคนเหล่านี้เขียนแบบเงาทึบ(silhouette)ด้วยสีแดงเกือบดำ
แต่เขียนพอเป็นรูปร่างจึงทำให้ดูคล้ายเป็นภาพคนแบบกิ่งไม้
(stick man)
อาจมีการตกแต่งประดับร่างกายหรือแสดง
อวัยวะเพศ มีขนาดสูงประมาณ 15 - 30 ซม. |
- |

|
ภาพคนอีกกลุ่มหนึ่ง
อยู่ใต้กลุ่มภาพขบวนแห่
เขียนอยู่ในระดับแนวเดียวกัน
สูงจากพื้นประมาณ1.5 เมตร
ภาพค่อนข้างจาง แต่พอมองเห็นได้ 4
คน เป็นรูปคนขนาดใหญ่
เขียนด้วยสีแดงแบบเงาทึบ
แสดงอาการเคลื่อนไหว กางขา ยกแขน
มีเครื่องประดับบนศีรษะเหมือนขนนกหรือพู่หรือกิ่งไม้
นอกจากนั้นก็เป็นภาพคนเดี่ยวๆ
ปรากฎบนผนังหน้าถ้ำและก้นโพรงถ้ำ
เป็นภาพคนกำลังเหนี่ยวสายคันธนู |
- |
ภาพเขียนที่ถ้ำตาด้วงนี้น่าจะอยู่ในยุคสำริดแล้ว
อายุประมาณ 2,000 - 3,000 ปีมาแล้ว
โดยสันนิษฐานจากภาพขบวนแห่กลอง
ซึ่งน่าจะเป็นกลองมโหระทึก
ชุมชนที่เขียนภาพเหล่านี้น่าจะใช้ถ้ำนี้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ
หรือทำกิจกรรมที่สำคัญร่วมกัน
อาจเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย
(ภาพโลงศพ)
หรือพิธีกรรมเพื่อความอุดมสมบูรณ์
หรือพิธีกรรมในการขอฝนก็ได้
ดังนั้นชุมชนนี้คงดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และทำการกสิกรรมด้วย |
- |